ความมีชัยใน ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ สามารถนำผงาดขึ้นรั้งหัวหน้าฝูง 

ความมีชัยใน สำหรับผลงานของ ร็อดเจอร์ส ต้องกล่าวว่าเยี่ยมที่สุดมากๆเนื่องจากตอนที่คุม ครั้งแรกพวกเขาอยู่ชั้น 11 ฟอร์มก็ไม่ค่อยดีนัก แม้กระนั้นท้ายที่สุดก็สามารถสร้างกลุ่มขึ้นมากระทั่งยึดหัวหน้าฝูง แถมใช้งบประมาณไปเพียงแค่ 10 ล้านปอนด์ เพียงแค่นั้น น้อยกว่า ในสมัย แฟร้งค์ แลมพาร์ด หลายร้อยเท่า

เชลซี จะต้องพบกับเหตุการณ์ที่แสนลำบากโดยตลอดภายใต้การกุมบังเหียนของที่ปรึกษาแฟร้งค์ ความมีชัยใน แลมพาร์ด แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาบอกให้เห็นอย่างชัดเจนจนถึงแปลงเป็นเรื่องชาชินก็คือการเสียประตูมาตลอดสำหรับในการเล่นเกมเยี่ยม หลังแจ้งเกิดได้

สองประตูที่เสียไปที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ทำให้ขณะนี้กองทัพ “สิงโตสีน้ำเงินคราม” เสียไปแล้ว 50 ประตูในสมัยของ แลมพาร์ด ซึ่งแน่ๆว่านี่คือสถิติที่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะว่า “แลมพ์ส” คุมกลุ่มได้ไม่ถึง 2 ฤดูแต่ว่าเสียประตูให้คู่แข่งขันไปแล้วครึ่งร้อย

จังหวะที่เสียประตูแรกผู้เล่น มัวแต่วิ่งเข้าไปอยู่ในกรอบจุดโทษกันหมด ปลดปล่อยให้ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ยืนโล่งๆซัดแบบไม่จับจ่ายบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเกิดแนวรับของกลุ่มเยี่ยมเล่นแบบมีสติสัมปชัญญะซักนิดคงจะมีใครซักคนที่เข้าไปบีบคั้นไม่ให้ เอ็นดดี้ ได้ยิงง่ายๆอย่างนี้

ในขณะจังหวะเสียประตูลำดับที่สอง จำต้องดูการเล่นสวนกลับที่เร็วทันใจ แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันก็จะต้องต่อว่า อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ ติอาโก้ ซิลวา ที่เล่นไม่เข้าขากันเลยในแมตช์นี้ และก็ปล่อยให้ เจมส์ แมดดิสัน ได้ซัดสบายๆ

สำหรับสถานการณ์เวลานี้จำต้องพูดว่าเกมรับของ เชลซี ควรจะมีการปรับแต่งกันอีกเยอะแยะ รวมทั้งถ้าหากไม่รีบหาทางปรับแก้ พวกเขาอาจจะต้องเจอกับฤดูที่แสนน่าผิดหวังในฤดูกาล 2020/2021 ก็เป็นไปได้

ความมีชัยใน

ถึงแม้ จะใช้จ่ายเงินในการเสริมกองทัพ ไปแล้วมากยิ่งกว่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 7,600 ล้านบาท) ในตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้กระนั้นเชื่อว่ากลุ่มยังคงรู้สึกผิดหวังที่มิได้ทุ่มเงินเพื่อซื้อตัว เดแคลนลาน ไรซ์ มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาเสริมทัพ

กัปตันกลุ่ม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มีข่าวสารพันพัวกับ “สิงห์บลูส์” มาตลอดในตอนซัมเมอร์แต่ว่าในที่สุดนักฟุตบอลก็มิได้ย้ายมาอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างไรก็ตาม ไรซ์ เพิ่มมีข่าวโคมลอย อีกรอบในตอนตลาดพ่อค้าลำแข้งหน้าหนาว เดือนม.ค.นี้

เหตุผลสำคัญ จำเป็นต้องให้ดีลของ ไรซ์ เกิดขึ้น ซึ่งก็คือการที่พวกเขาไม่มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซึ่งจะเห็นได้อย่างเห็นได้ชัดว่าเมื่อไหร่ที่กลุ่มขาดผู้นำหรือกองกลางชนิดวิ่งสู้ฟัดกัดคู่แข่งขันไม่ปลดปล่อย ชอบเสียเปรียบในแผงกองกลางตลอด

โดยเฉพาะในจังหวะที่ เอ็นดิดี้ ทำประตู ถ้ามี ก็องเต้ อยู่ในกลุ่มเขาจะวิ่งเข้ามาบีบไม่ให้คู่แข่งขันได้ได้โอกาสซัดประตูสบายๆแบบงี้ ดังนั้น ไรซ์ ก็เลยเหมาะอย่างยิ่งที่จะเข้ามารับบทบาทนี้ แม้กระนั้นด้วยเหตุการณ์ของกลุ่ม กีฬาขี่ม้า

ในขณะนี้ต้องกล่าวว่าด้อยกว่า เวสต์หมูแฮม ด้วย ก็เลยเป็นเรื่องยากที่จะชักชวน ไรซ์ ให้มาเล่นร่วมกัน ฉะนั้นถ้าหาก อยากที่จะให้การเซ็นสัญญาคราวนี้เกิดขึ้นจริงๆพวกเขาอาจจะจำต้องจ่ายเงินค่อนข้างสูงอย่างยิ่งจริงๆ

เลสเตอร์ สิตี้ ขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝูงพรีเมียร์ลีก ชั่วครั้งชั่วคราว แม้กระนั้นสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมที่จะแย่งแชมป์กับทุกทีม ไม่ว่าจะเป็น “ซาตานแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และก็ “ลิเวอร์พูล” หงส์แดง

ผลงานของ “จิ้งจอกไทย” เบาๆดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยโดยในแมตช์นี้กลุ่มของผู้จัดการทีมเบรนแดน ร็อดเจอร์ส บ่งบอกถึงแล้วว่าแม้ไม่มีนักฟุตบอลทักษะสูงค่าตัวมากมาย แต่กลุ่มสปิริตและการเล่นที่เข้าขากัน ก็สามารถปราบ เชลซี สมาคมที่ทุ่มเงินสร้างกลุ่มจำนวนมากเมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา

จะต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่น ในตอนที่ผ่านมามีความคงเส้นคงวามากมายๆไล่ตั้งแต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่รักษาความเหนียวหนึบได้อย่างสม่ำเสมอจนถึงถูกชูให้เป็นหนึ่งในโกลที่เก่งที่สุดในลีก ในขณะที่ จอห์นนี่ อีแวนส์ กับ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ก็เป็นคู่คิดเกมรับที่หนักแน่น

ในแผงกองกลาง ยูริ ตีเลมันส์ เล่นประสานงานกับ เจมส์ แมดดินสัน ได้อย่างพอดี แล้วก็ทั้งสองยกฐานะฝีเท้าขึ้นมามากมาย ส่วน ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และก็ เจมี่ วาร์ดี้ จำเป็นต้องบอกเลยว่าเล่นได้อย่างเข้าขา แล้วก็สามารถข่มขู่เกมรับของคู่แข่งได้ตลอด อาจจะมีการแย้งกันว่ากลุ่มชุดนี้

สไตล์การเล่นและก็ผลงานค่อนจะเด่น รวมทั้งเหนือกว่าในสมัยที่เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุมบังเหียน แต่ว่าอย่างลืมว่า “เดอะ ฟ็อกซ์” ชุดนั้นครองแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยเหตุนี้หากจะให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ร็อดเจอร์ส ต้องทำให้ได้ราวกับผู้จัดการทีมเลือดมะกะโรนี สร้างเอาไว้

ความมีชัยใน

เบรนดอน ร็อดเจอร์ สามารถทำให้โลกลูกหนังได้แจ่มแจ้งแล้วว่าเขาก็คือหนึ่งในที่ปรึกษายอดฝีมือเช่นกัน ภายหลังที่เบาๆพัฒนา เลสเตอร์ จากกลุ่มที่มีฟอร์มตกต่ำสุดๆกลายภาวะมาเป็นสมาคมที่กล้าแกร่งในทุกวันนี้ ดูบอลสด

“บี-ร็อด” เข้ามารับเผือกร้อนแทนโคล้ด ปูแอล ที่ถูกเด้งพ้นตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019 โดยในช่วงเวลานั้น เลสเตอร์ รั้งอยู่ชั้น 11 แล้วก็เหตุการณ์ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วเขาก็เบาๆปลุกปั้นกลุ่มจนกระทั่งสามารถเก็บชัยชนะ แล้วก็เล่นด้วยฟอร์มที่สุดยอด

จวบจนกระทั่งตอนนี้ เลสเตอร์ รั้งตำแหน่งผู้นำฝูงได้เสร็จแถมยังใช้เงินสำหรับเพื่อการเสริมกองทัพไปแค่ 10 ล้านปอนด์ (ราว 380 ล้านบาท) เพียงแค่นั้น จะต้องยอมรับว่าฝีมือของ นายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือ ไม่ธรรมดาจริงๆและก็งานนี้บรรดากลุ่มใหญ่ที่จะดวลกับกองทัพ “จิ้งจอก” ต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆ

เพราะเหตุว่าปัจจุบันนี้ ร็อดเจอร์ส สามารถปลดล็อกสำหรับการปะทะกับสมาพันธ์ท็อปโฟร์ได้หมดแล้วนับจากที่ทำงานเป็นผู้จัดการทีม เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มีเพียงแค่สมาพันธ์เดียวแค่นั้นที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ซึ่งก็คือ เชลซี แต่ว่าช่วงนี้สถิติดังกล่าวได้สิ้นสุดไปเรียบร้อยเมื่อตอนกลางคืนวันอังคารก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ก่อนที่จะฤดูนี้จะเปิดฉาก ได้รับการคาดหมายให้เป็นเยี่ยมในกลุ่มเต็งแชมป์ลีก ด้วยขุมกำลังของกลุ่ม และก็การเสริมทัพ พวกเขาบอกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพร้อมที่จะขึ้นมาแย่งแชมป์แล้ว แต่ว่าผลงานขณะนี้เพียงแค่จะลุ้นชั้นท็อปโฟร์ยังต้องเหนื่อยรากเลือด

การเก็บได้เพียงแค่ 7 แต้มจาก 24 คะแนนนับว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่สุด โน่นก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชั้น อยู่หล่นไปอยู่ที่ 8 ขณะนี้โดยมีเพียงแค่ 29 คะแนนห่างจากท็อปโฟร์ 5 แต้ม ถึงแม้ดูเหมือนจะไม่เยอะแยะ แต่ว่าฟอร์มอย่างนี้อาจยากที่จะทำชั้นขึ้นไปได้

นี่หาก เซาธ์แฮมป์ตัน กับ แอสตัน วิลล่า ที่แข่งขันน้อยกว่าสามารถเก็บชัยในนัดตกค้างได้ ชั้นของ “สิงโตน้ำเงินคราม” อาจรูดมหาราชมากกว่านี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี่เป็นขณะที่อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญข้างในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เนื่องจากว่า โรมัน อบราโมวิช ผู้ครอบครองกลุ่มอาจจะไม่อยากให้สโมสรที่นี้ล่มจมไปยิ่งกว่านี้แน่ๆ

โดยเหตุนี้จึงมีความน่าจะเป็นสูงที่ลอตเตอรี่จะมาออกที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เพราะว่าก่อนหน้านี้เหตุการณ์ของเขาก็เสี่ยงที่จะโดนปลดมาแล้วหลายหน แต่ว่ายังรอดมาได้ แม้กระนั้นจากผลงานย่ำแย่แบบงี้ทั้งๆที่ “เสี่ยหมี” ไว้วางใจทุ่มเงินสร้างกลุ่มกว่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 7,600 ล้านบาท) ตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา คงจะถึงเวลาที่ “แลมพ์ส” จะโดนเฉือนซะแล้ว