จุดเปลี่ยนแปลง ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดู 2020/21 จบลงเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อกลางคืนวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

จุดเปลี่ยนแปลง พร้อมด้วยการบรรลุผลมากไม่น้อยเลยทีเดียวมากมายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผงาดคว้าชัยชนะลีกสูงสุดยุคที่ 7 ในเวลาที่ หงส์แดง ที่มองสาหัสกระทั่งเกือบจะพลาดท็อปโฟร์แม้กระนั้นพวกเขาเร่งเครื่องในตอนโค้งสุดท้ายจนกระทั่งคว้าชั้น 3 ได้อย่างอัศจรรย์

“เรือใบสีฟ้า” ที่ตอนตอนต้นฤดูกาลนี้ดูเหมือนจะหมดลุ้นแชมป์ลีกไปแล้ว ข้างหลังฟอร์มกระพร่องกระแพร่ง เวลาที่ “ลิเวอร์พูล” ที่คงจะรักษาผลงานได้ดีเยี่ยม แม้กระนั้นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นในเทศกาลคริสต์มาส

เมื่อกลุ่มของที่ปรึกษาเจอร์เก้น คล็อปป์ ฟอร์มสะดุด รวมทั้ง แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยเป็นว่าเล่นตราบจนกระทั่งเข้าป้ายคว้าชัยชนะไปสุดท้าย แถม เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดไปของสมาพันธ์ จบกับสังกัดเดิมได้อย่างสวยงามด้วยการซัด 2 ประตูส่งท้ายในเกมต้อน เอฟเวอร์ตัน 5-0

ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหตุการณ์ของพวกเขาถูกคิดว่าไม่มีลุ้นอะไรเลยภายหลังตอนต้นฤดู แต่ว่าภายหลังที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เบาๆสร้างกลุ่ม รวมทั้งปรับแท็กติกจนตราบเท่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างพอดี

นำมาซึ่งการทำให้ “ปีศาจแดง” ฟอร์มดุนับตั้งแต่ตอนต้นปี แล้วก็เคยขึ้นไปรั้งหัวหน้าฝูงอยู่พักนึง แต่ว่าท้ายที่สุดก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันเป็นไปได้แค่เพียงพระรอง และก็เป็นปีที่ 8 แล้วที่พวกเขามิได้สัมผัสการบรรลุผลในลีก กีฬาขี่ม้า

อย่างไรก็ดี “ปีศาจแดง” นับว่าผลงานดีเยี่ยมที่สุดมากมายๆเพราะว่าพวกเขาสร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมมันก็คือการไม่แพ้คนใดกันเลยในเกมลีกนัดหมายเยี่ยม แล้วก็แปลงเป็นกลุ่มที่ 3 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ไม่แพ้ในเกมเยี่ยมอีกทั้งฤดูกาล

ต่อจาก อาร์เซน่อล ที่เคยทำไว้ 2 ยุคในช่วงฤดูกาล 2001/02 และก็ 2003/04 แต่ว่าถ้าเกิดนับรวมลีกสูงสุด แมนยู เป็นกลุ่มที่ 4 ต่อจาก เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ (ฤดูกาล 1889/89) แล้วก็ อาร์เซน่อล (2 ยุค)

สำหรับ หงส์แดง จะต้องบอกเลยว่านี่เป็นฤดูที่น่าผิดหวังสำหรับพวกเขาจริงๆเนื่องจากจำเป็นต้องเจอกับปัญหาเยอะแยะโดยยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นสำคัญในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ที่โดนการบาดเจ็บโจมตีอีกทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ รวมทั้ง โฌเอล มาตำหนิป รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่โดนโรคเดี้ยงกระทั่งไม่สามารถที่จะช่วยกลุ่มได้ตั้งแต่ตอนกึ่งกลางฤดู

เอล็องก้าเปิดซิง

จุดเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะอุตสาหะประคับประครอบครองให้กลุ่มผ่านวิกฤติไปได้

แต่ว่าในที่สุดทุกสิ่งก็พังทลายตั้งแต่แมื่อท้ายปีก่อนหน้านี้จวบจนกระทั่งจนกระทั่งจบฤดู พวกเขามีฟอร์มกระพร่องกระแพร่งเป๋ไปเป๋มา รวมถึงการเสียสถิติไม่แพ้คนไหนกันแน่ 68 นัดหมายในลีกหรือกว่า 3 ปีให้กับ เบิร์นลี่ย์ รวมทั้งหลุดเส้นทางโคจรการคุ้มครองแชมป์ไปประเภทที่สาวก “เดอะ ค็อป” ยังงงเป็นไก่ตาแตก

จนกระทั่งขณะนี้ แม้กระนั้นยังดีที่ “ลิเวอร์พูล” รวมพลังต่อสู้จนกระทั่งสุดท้ายสามารถจบฤดูกาลในชั้น 3 คว้าตั๋วไปฝ่าศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับ เชลซี อาจจำต้องส่งแชมเปญหลายลังไปขอบพระคุณ ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์ ข้างหลัง “ไก่เดือยทอง” บุกชนะ เลสเตอร์ สิตี้ 4-2 ทำให้พวกเขาดวงโชคดีสุดๆที่ได้ตั๋วใบท้ายที่สุดไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะออกไปปราชัยให้กับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า 1-2 ก็ตาม

ในตอนนี้ เลสเตอร์ ซึ่งคว้าชัยชนะเอฟเอ คัพ ประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ จะต้องอกหักในตอนโค้งสุดท้ายเป็นฤดูกาลที่ 2 ต่อเนื่องกัน เมื่อพวกเขาร่วงไปอยู่ชั้น 5 ทำให้จำเป็นต้องไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก โดยมี เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ต้อน เซาธ์แฮมป์ตัน สบายเกือก 3-0 คว้าชั้น 6 ได้โควตาท้ายที่สุดไปเล่นบอลถ้วยใบเล็กยุโรป ดูบอลสด

ส่วน อาร์เซน่อล จัดว่าฟอร์มแรงในเกมสำคัญเมื่อเปิดบ้านไล่ตี ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 2-0 แต่ว่าโชคร้ายที่มิได้ตั๋วไปเล่นบอลถ้วยยุโรป เพราะเหตุว่า สเปอร์ส โชว์ฟอร์มดุบุกสอย เลสเตอร์ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทำให้ “ไก่เดือยทอง” ยึดชั้น 7 ได้สิทธิ์ไปเล่นศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก สำหรับสามสมาคมที่จำต้องบ๊ายบายพรีเมียร์ลีกเป็นต้นว่า “เจ้าสัวน้อย”, ฟูแล่ม, “เดอะ แบ็กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

ดูบอลสด

ด้านชมรมที่เลื่อนชั้นในฤดูกาลหน้า

ก็จำต้องขอต้อนรับ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช กลับสู่พรีเมียร์ลีก ในฐานะแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลังจากที่ได้ทำการใช้เวลาเพียงฤดูกาลเดียวก็สามารถคืนสู่ลีกสูงได้อย่างเร็ว และก็ตามด้วย “แตนก่อกวน” วัตฟอร์ด ชั้น 2 ซึ่งทั้งคู่กลุ่มได้เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ

ในช่วงเวลาที่กลุ่มในที่สุดที่กำลังจะได้ตั๋วไปเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีจำเป็นต้องไปลุ้นนัดหมายชิงแชมป์ ศึกเพลย์ออฟระหว่าง เบรนฟอร์ด เจอ สวอนซี สิตี้ ซึ่งจะทราบผลในวันที่ 29 พ.ค.นี้

ในตอนที่ดาวซัลโวสูงสุดในช่วงฤดูกาลนี้เป็นของ แฮร์รี่ เคน ที่ซัด 1 ประตูในเกมตี เลสเตอร์ นำมาซึ่งการทำให้เขาตะบันไป 23 ประตู คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดประจำฤดูนี้ไปครอบครอง พร้อมด้วยทำแอสซิสต์สูงสุดในลีก 14 ครั้ง

สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จำต้องกล่าวว่าโชคร้ายไม่มีส่วนในสกอร์ 2-0 ที่ชนะ คริสตัล พาเลซ ทำให้สถิติของเขาอยู่ที่ 22 ประตูเหมือนเดิม ด้าน เอแดร์ซอน ผู้เฝ้าประตูชาวบราสิเลียนของ แมนฯ ซิตี้ คว้าผู้เฝ้าประตูเยี่ยมยอด ข้างหลังเก็บคลีนชีพในลีกฤดูกาลนี้ไป 19 เกม

ส่วนชั้น 2 เป็นของ เอดูอาร์ เมนดี้ นายด่านของกลุ่มเชลซี ที่เก็บคลีนชีตได้ 16 เกมกับการเล่นเกมพรีเมียร์ลีก หนแรก ส่วน เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายด่านชาวอาร์เจนไตน์ของ แอสตัน วิลล่า ทำเป็น 15 เกม เอล็องก้าเปิดซิง

สำหรับ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ไม่มีชื่อติดท็อปเทนโกลคลีนชีต แม้กระนั้นเขาปั้นเรื่องที่ให้โลกจำต้องจดจำ เมื่อโหม่งประตูชัยในเกมเชือด เวสต์บรอม ทำให้เขาแปลงเป็นโกลผู้ที่ 6 ที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ แม้กระนั้นเป็นนายทวารคนแรกที่โหม่งทำแต้มในเกมลีก

ส่วนของ โจ วิลล็อค มิดฟิลด์ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ยืมตัวมาจาก อาร์เซน่อล ทาบสถิติของ อลัน เชียเรอร์ ที่ยิงให้ นิวคาสเซิ่ล 7 นัดหมายติด (เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 1996) ภายหลังจากซัดประตูให้กับ “สาลิกาดง” เกมชนะ ฟูแล่ม และก็ก้าวไปอยู่ในทำเนียบรุ่นพี่ที่ตะบันได้ 7 เกมต่อเนื่องกัน

อีกทั้ง เจมี่ วาร์ดี้, รุด ฟาน นิสเตลรอย, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, เธียร์รี่ อองรี, เอียน ไรท์, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, เชียเรอร์ รวมทั้ง มาร์ค สไตน์ ในช่วงเวลาที่รางวัลนักฟุตบอลดีของสโมสรนักเตะอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูนี้ ยังไม่มีการประกาศ แต่ว่ารางวัลผู้เล่นดีประจำฤดูกาลของสโมสรผู้สื่อข่าว (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) เป็นของ รูเบน ดิอาส ปราการหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ข้างหลังมีส่วนสำคัญที่นำสังกัดเดิมหวนกลับสู่บัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกอีกยุค