นักสังหารบนหลังม้า ทำสงครามแย่งชิงอาหารและทรัพยากรกับชาวสเปนที่กำลังรุกราน

นักสังหารบนหลังม้า แม้จะเป็นเผ่าที่ เดินทางเร่ร่อน แต่ เกาโช ไม่ใช่พวกทำตัวเหนือกฎหมาย และเป็นตัว
ร้ายเหมือน กับในภาพยนตร์ พวกเขารักอิสระ อยู่กันอย่าง สงบมากที่สุด และแทบไม่ยุ่งกับใคร นอกเสียจาก
ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะวิ่งมาหาพวกเขา กระทั่งเข้าตาจนหา ทางแก้ไม่ได้ หลังจากเลี้ยงวัว ในทุ่งหญ้าอย่าง
สงบสุขมายาวนาน ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงที่ประเทศ อาร์เจนตินา

เกิดสงครามขึ้น สงครามนั้นชื่อว่า “สงครามอิสรภาพ” ระหว่าง อาร์เจนตินา ดินแดนอาณานิคม และ สเปน
เจ้าอาณานิคม ในยุคสมัยของพระเจ้า เฟอร์ดินานด์ที่ 7 “การปล้นสะดมและความ ตายกระจายไปทั่วยังทุก
ชนบท พวกเขาถูกคุกคามอย่าง โหดร้ายโดยที่พวกเขา ไม่มีเหตุจูงใจในการต่อสู้ เพียงแต่พวกเขาลุกขึ้นสู้
เพื่อปกป้องชีวิต, ทรัพย์สิน และครอบครัวของพวกเขา”

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ ฆัวกิน เด ลา เปซูเอลา ผู้บัญชาการทหารของ สเปนในสงครามครั้ง นั้นบันทึกถึงเรื่อง
ราวของการได้สู้กับเผ่า เกาโช สงครามครั้งนั้นกระ จายวงกว้างไปทั่ว และ เกาโช คือชนเผ่าที่ต้องลุกขึ้น
มาจับดาบและถือปืน พวกเขาทะยานขึ้นหลัง ม้าด้วยภารกิจเดียว นั่นคือ “การปกป้องครอบครัว ของพวก
เขาและครอบครัวของ ชาวอาร์เจนไตน์ทุกคน” นักรบเกาโชกว่า 150,000 คน

นักสังหารบนหลังม้า

ถูกเรียกรวมเป็นหนึ่งใน กำลังพลของกลุ่มรักชาติ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะ รวมถึงการประกาศอิสร
ภาพของ อาร์เจนตินา เดิมทีไม่ได้มีใครสั่งให้พวก เขารบกับสเปน แต่มีการบันทึกว่าทาง การอาร์เจนตินา
บรรจุพวกเขาในฐานะ นักรบของประเทศ เนื่องจากการส่ง สารของนายพล โฮเซ่ เด ซาน มาร์ติน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพฝ่ายเหนือ นักสังหารบนหลังม้า

ผู้แจ้งไปยังกรุงบัวโนไอเรส ที่เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ว่า กลุ่มเกาโชจาก เมืองซัลต้า กำลังทำสงคราม
แย่งชิงอาหารและ ทรัพยากรกับชาวสเปน ที่กำลังรุกรานตอนเหนือ และพวกเขาสามารถต้านทานกอง
ทัพสเปนได้เป็น เวลาหลายเดือน จนกระทั่งมีการส่งกำลัง พลเข้าไปช่วย หลังจากเรื่องนี้แพร่ออกไป
หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลที่ชื่อว่า ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับเหล่า ในตอนเหนือว่า ดูบอลสด

ชาวนาผู้รักชาติและกล้าหาญ ขณะที่บันทึกอีกฉบับจาก อันเดรส การ์เซีย กัมบา

อีกหนึ่งนายพลชาว สเปนที่ได้ บันทึกเรื่อง ราวของสงครามนั้นไว้ ได้พูดถึงสาเหตุ ที่ทำให้เกาโช
สามารถสู้กับกอง ทัพสเปนได้จนทุกอย่าง ยืดเยื้อไม่เป็นไป ตามแผนด้วย”เหล่าคนชนบท พวกนี้เป็น
ยอดนักขี่ม้าฝีมือดี พวกเขาใช้อาวุธอย่าง ดาบ, ปืนคาบศิลา หรือปืนไรเฟิล พวกเขาสามารถจัดการ
ทุกอย่างได้บนหลังม้า ด้วยทักษะการควบคุม ที่ไม่มีใครเทียบได้ นักสังหารบนหลังม้า

พวกเขาเข้าหาศัตรู ด้วยความมั่นใจ อย่างน่าประหลาด สงบ และเยือกเย็น พวกเขาทำให้ชาวยุโรป
ต้องประหลาดใจ ที่ได้เห็นยอดนักขี่ม้า แบบพวกเขาเป็นครั้งแรก ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว ในสงคราม
ครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถ รบแบบกองโจรได้ เทียบเท่ากับพวกเข าอย่างแน่นอน ณเวลานั้นกองทัพ
สเปนอาศัยในเมือง ซัลตา และ คูคุย ซึ่งพวกเขาจะออกมา หาเสบียงในช่วงพลบค่ำ เมื่อฟ้ามืด

เหล่าชาวหนุ่มชาวเกาโช จะกลายเป็นฝ่ายคุกคามและ ตัดกำลังกองทัพสเปน จนพวกเขาพบว่าแม้
ตัวเองจะยึดเมืองได้ แต่ก็เหมือนกับโดนตัดแขน ตัดขาให้ทำอะไรต่อไม่ได้ ซึ่งนั่นคือกุญแจสำคัญ
ที่ทำให้ฝ่าย อาร์เจนตินา เป็นฝ่ายชนะขณะที่นายพล ปาซ ของฝั่งอาร์เจนตินา เรียกชัยชนะเหนือ
สเปนครั้งนี้ว่า “สงครามที่เมือง ซัลตาและ คูคุยเป็นหนี้ชาวเกาโช” นักสังหารบนหลังม้า

เลยทีเดียวหลังสงครามแห่ง อิสรภาพจบลง ชื่อเสียงของเผ่า เกาโชโด่งดังไปทั่วทั้ง อาร์เจนตินา
และทวีปอเมริกาใต้ จนถึงขนาดนี้ว่า โฮเซ่ เอร์นานเดซ กวีชื่อดังชาวอาร์เจนไตน์ ได้เอาเรื่องราว
ทั้งหมดไปแต่งบทกวีที่มีชื่อว่า มาร์ติน ฟิเอร์โร่โดยบทกวีนี้เชื่อมโยง กับประวัติศาสตร์ของเกาโช

นักสังหารบนหลังม้า

โดยตรง และเน้นไปที่เรื่องบทบาทสำคัญ ของชาวเกาโชในสงครามระหว่าง อาร์เจนตินากับสเปน
มีท่อนหนึ่งจากเรื่องนี้ ที่ว่าด้วยความสำคัญ ของม้าและชาวเกาโชว่า “ม้าของฉันและผู้หญิงของฉัน
ออกไปที่ซัลตา ขอให้ม้ากลับมา เพราะว่าฉันไม่ต้อง การผู้หญิงของฉันเลย” ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่
ยืนยันว่า ฝีมือการขี่ม้าของชาวเกาโช จัดว่าอยู่ในระดับขั้นเทพ นักสังหารบนหลังม้า

นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่อง ที่กวีในยุคใหม่กว่านั้น นาม เกาชิโต กิล แต่ง โดยเนื้อเรื่องจะคล้าย ๆ
กับโรบินฮู้ด ที่ปล้นคนรวยไปช่วยคนจน และช่วงปี 1942 มีภาพยนตร์เรื่อง ที่เป็นหนึ่งในภาพ
ยนตร์ซึ่งประสบ ความสำเร็จมากที่สุด เรื่องหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ของประเทศ อาร์เจนตินาเลย
ทีเดียว นักขี่ม้าบนเทือกเขา กีฬาขี่ม้า